ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรแห่งความรู้คู่ความสำเร็จ

หากท่านสนใจพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นเรื่องพระพุทธเจ้า พระธรรม หรือพระสงฆ์ และเรื่องอื่นๆ สามารถเข้ามาเยี่ยมเยือนได้ตลอดเวลา นมัสเต....

วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

กรรม : ทำไมมองไม่เห็นกรรม?

การมองไม่เห็นกรรม


เรื่องกรรมเป็นเรื่องที่ใครหลายคนสงสัยเป็นอย่างมาก
เพราะการไม่เชื่อเรื่องกรรมจึงทำให้คนทำชั่วมากมาย
เพราะการไม่กลัวผลแห่งกรรม จึงทำให้คนไม่เกรงกลัว
ผลแห่งการกระทำ เรื่องกรรมเป็นเรื่องซับซ้อน มีเหตุปัจจัย
ตามวาระของการกระทำ


พระมหาประภาส ปริชาโน ถ่ายที่ประเทศภูฏาน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕
















ครั้งนี้จะขอกล่าวถึงเรื่อง "เพราะเหตุไรจึงมองไม่เห็นกรรม"
ซึ่งปราชญ์ท่านหนึ่งอธิบายเอาไว้ตามหลักทางพระพุทธศาสนา
ท่านนี้คือ อาจารย์วศิน อินทสะระ ท่านอธิบายเอาไว้ว่า....

.....กรรมดีหรือชั่วจะคอยติดตามบุคคลผู้ทำอยู่เสมอเหมือเงาตามตัว
แต่การที่คนมองไม่เห็นการติดตามของกรรม ก็เพราะดำเนินอยู่ใน
ทางมืด เหมือนบุคคลผู้มองไม่เห็นคนติดตามตนอยู่ในที่มืด
พอเข้าสู่ที่สว่าง ถ้าเขาเหลียวไปมองย่อมเห็นได้ บุคคลผู้ได้รับ
การอบรมจิตให้สงบ สะอาด สว่างขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งจะมองเห็นกรรม
และผลจองกรรมละเอียดประณีตขึ้นเท่านั้น
.........กรรมจะให้ผลก็ต่อเมื่อสุกงอมเต็มที่แล้ว มันมีระยะฟักตัว
ตามสมควร บุคคลผู้มีปัญญาน้อยจึงเห็นได้ยาก
อนึ่งชีวิตของมนุษย์สั้นเกินไป เพียงชีวิตเดียวไม่เพียงพอ
ต่อการพิสูจน์กรรมให้ตลอดได้ การฟักตัวของกรรม
ก็เหมือนการมีครรภ์ของสตรี เมื่อครบกำหนดจึงคลอด
หรือเหมือนการสุกของผลไม้ ย่อมต้องอาศัยเวลาพอสมควร
การรอคอยของกรรมอาจไช้เวลาเป็นร้อยปี  พันปี หรือหมื่นปีก็ได้
แม้รอคอยนานถึงปานนั้นและมีความสลับซับซ้อนมากเพียงใด
กรรมก็สามารถหาตัวผู้ทำได้ถูกต้องเสมอ
ท่านเปรียบเหมือนลูกโคแม้จะอยู่ในฝูงโคเป็นอันมาก
ก็สามารถหาแม่ของมันพบ หรือเหมือนเด็กผู้รู้เดียงสาแล้ว
ย่อมจำแม่ของตนได้
......ดังนั้น ผู้ทำกรรมดีย่อมได้รับผลดีเป็นเครื่องตอบแทน
ผู้ทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว การที่บุคคลสงสัยลังเลในเรื่องนี้
ก็เพราะไปตัดสินเอาตามปรากฏการณ์บางอย่างภายนอก
อันมีลักษณะเป็นมายา หลอกหลอน คนที่ทำความชั่วไว้มาก
ความชั่วจะคอยรบกวนจิตใจของเขาให้กังวลอยู่เสมอ
แม้จะปรากฏแก่คนอยู่ให้ดูเหมือนว่ามีความสุข
แต่ภายในใจของเขาเอง ใครจะรู้ว่ามีสุขทุกข์อันใดทับถมอยู่
......คนที่ชอบบ่นว่า ทำดีไม่ได้ดีนั้น อาจเป็นเพราะเขาทำดี
ไม่ถูกต้องหรือทำดีไม่เป็น หรือมิฉะนั้นก็ใจร้อยเกินไป
ตีโพยตีพายอยากได้ผลเร็วๆ ในขณะที่ความดียังไม่ให้ผล
.....การทำดีเป็นหน้าที่ของบุคคลผู้รักดี ส่วนการให้ผล
เป็นหน้าที่ของกรรม เหมือนการไถหว่านเป็นหน้าที่ของชาวนา
ส่วนการออกรวงเป็ฯหน้าที่ของต้นข้าว ย่อมออกรวงตามกาลเวลา
อันสมควร
เมื่อยังไม่ถึงเวลาอันควร แม้จะอ้อนวอนสักเท่าไรก็หาสมปรารถนาไม่
แต่พอถึงเวลาออกรวงใครจะอ้อนวอนไม่ให้ออกก็ไม่ได้
เรื่องการให้ผลของกรรมก็ทำนองเดียวกันนี้
.......ผลของกรรมชั่วคอยติดตามบีบคั้น ส่วนผลของกรรมดีคอยติดตาม
ประคับระคองช่วยเหลือผู้ท่องเที่ยวในสังสารวัฏ
การมองชีวิตต้องมองในระยะยาวและกว้างไกล
จึงจะเป็นวิถีชีวิตโดยตลอด
......เมื่อท่านอ่านจบแล้วก็จะพอมองเห็นเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดความรู้
เรื่องกรรมมากขึ้น ท่านอาจารย์ได้ยกอุปมาอุปมัยไว้ให้เราได้ปรากฏ
มุมมองที่ชัดเจนขึ้น.....
ต้องขอเจริญพรขอบคุณท่านอาจารย์วศิน อินทสะระเอาไว้ ณ โอกาสนี้
ที่ได้ถ่ายทอดความรู้ดีๆ ให้คนรุ่นหลังอย่างเราท่านได้ศึกษา
สาธุ....

วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

สันโดษ คื อความพอเพียง


ความสันโดษหรือความพอเพียง
           คำว่า สันโดษ หลายท่านคงสับสนว่ามันคืออะไรกันแน่ 
หมายความว่าอย่างไร 
ในความหมายที่แท้จริงตามหลักทาง
พระพุทธศาสนา สันโดษ คือ ความยินดี ความพอใจ 
ความยินดีในสิ่งที่ตนเองหามาได้ด้วยเรี่ยวแรง
ความเพียรโดยชอบธรรม ความยินดีในปัจจัย ๔ ตามมี
ตามได้ ความรู้จักอิ่มรู้จักพอ....
แบ่งออกเป็น ๓ การ คือ
            ๑.ยะถาลาภะสันโดษ หมายความว่า 
ยินดีตามได้ในสิ่งที่เรามีด้วยความสามารถนั้นๆ 
ไม่ว่าจะมีค่ามากน้อยเพียงใด 
ก็ยินดีพอใจในสิ่งที่ตนเองสรรหามาได้ 
ด้วยน้ำพักน้ำแรงเราเอง ไม่เดือดร้อนกระวนกระวาย 
เพราะสิ่งที่ตนไม่ได้ ไม่ปรารถนาในสิ่งที่ตนเอง 
ไม่ควรได้หรือเกินไปกว่าที่ตนพึงได้
โดยถูกต้องชอบธรรม 
ไม่เพ่งเล็งปรารถนาของที่คนอื่นได้ 
ไม่ริษยาเขา
            ๒.ยะถาพละสันโดษ หมายความว่า 
ยินดีตามกำลังแห่งตน ยินดีแต่พอกำลังร่างกายสุขภาพ 
และเหมาะแก่การใช้สอยของตน 
ไม่ยินดีอยากได้เกินกำลัง 
เราได้สิ่งใดมาที่ไม่ถูกกับกำลังร่างกาย
หรือสุขภาพก็สลัดออกไป 
พูดง่ายๆว่าให้พอเหมาะกับกำลังสุขภาพของเรา 
เช่น เลือกทานอาหารที่ไม่มีโทษ 
ส่วนไหนที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเราก็ทานเข้าไป 
ส่วนไหนที่เกินจำเป็นก็แบ่งให้คนอื่น 
อย่าเก็บเอาไว้เพราะประโยชน์ไม่เกิดกับเรา 
ฝืนใช้ย่อมเป็นโทษแก่ตนแน่นอน 
รู้จักเพียงพอแก่การบริโภคใช้สอยของเราเอง
            ๓.ยะถาสรุปปะสันโดษ หมายความว่า 
ยินดีตามสมควร ยินดีตามที่เหมาะสมกับตน 
อันสมควรแก่ฐานะภาวะแนวทางชีวิต 
จุดมุ่งหมายแห่งการบำเพ็ญกิจของตน  
เช่น เราได้ปัจจัย๔อันประณีตอย่างใดอย่างหนึ่งมา 
แล้วพิจารณาเห็นว่ามันไม่เหมาะกับเราเลย 
ก็เอาไปมอบให้แก่คนที่เหมาะกับสิ่งนั้นๆ 
เช่นเจ้าของช้างได้ลูกช้างเผือกมา
คิดว่าไม่เหมาะแก่ตน 
แต่เหมาะสำหรับพระราชาก็ยกให้แก่พระราชา 
ตนเองก็ใช้ช้างธรรมดาซึ่งเหมาะแก่ฐานะ
และภาวะของเรา  
หรือตนเองมีโอกาสจะได้ลาภอย่างใดอย่างหนึ่ง 
แต่รู้ว่ามันไม่เหมาะแก่เราเลยก็มอบให้แก่
ผู้เหมาะสมหรือเป็นประโยชน์กับท่านผู้เชี่ยวชาญนั้น
ที่เหมาะกว่า 
ส่วนตนเองก็รับเอาเฉพาะส่วนที่เหมาะสมแก่ตน
    
ความพอใจในสิ่งที่ตนเองมี ย่อมมีความสุข
ความไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี ย่อมก่อให้เกิดความทุกข์
ถึงมีทรัพย์เป็นแสนล้านหากไม่รู้จักคำว่าเพียงพอก็เกิดทุกข์
หากมีความเพียงพอย่อมเป็นทรัพย์อันประเสริฐ



วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

พรปีใหม่ ประจำปี ๒๕๕๖

พรปีใหม่แด่พี่น้องชาวไทยทั่วโลก
โดย พระมหา ดร.ประภาส ปริชาโน (แก้วเกตุพงษ์) 
วัดมิ่งเมือง ตำบลกลาง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
อย่าประมาทในชีวิต ในวัย ในครอบครัว ในการครองชีพ
อยู่อย่างมีสติ คิดดี พูดดี และทำดีต่อไป
"อย่าลืมว่าทุกสิ่งอย่างล้วนอนิจจัง (ไม่เที่ยง)
ขอให้ปีใหม่จงเกิดแต่สิ่งใหม่ดีๆแก่ท่านทุกเมื่อ
คิดสิ่งใด หวังสิ่งใด จงสำเร็จแก่ท่านเสมอ
จงมีแต่มงคลเกิดแด่ท่านตลอดไป...เทอญฯ"


วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

ภูฏาน : แผ่นดินบนที่สูง

มีภาพสวยๆ จากภูฏานมาให้ดู
ดินแดนที่ได้รับการเรียกขานว่า "แผ่นดินมังกรคำราม" หรือ "สวรรค์บนดิน"
บันทึกเมื่อวันที่ ๙-๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
โดย พระมหาประภาส ปริชาโน (แก้วเกตุพงษ์) และบรรดาศิษยานุศิษย์ชาว Incentive Tour

นั่งม้าขึ้นเขา...ลุ้น...แล้วเกร็ง....ตลอดการก้าวเดิน..ตอนนี้อยู่จุดพัก

อากาศเย็นมาก...อย่างนี้พวกเราต้องจิบชาร้อนๆ ของภูฏาน...กับแกล้มหนมปัง

ใจกลางวิหารที่พูนาคาซองเน้อ....สวยมากเลยแหละภายใน

โฮเท็ล ที่เราพักกันในคืนที่ผ่านมา สบายสะดวกทุกประการสัมผัสสายหมอก

อันนี้เป็นกาลจักร หรือกงล้อแห่งธรรมสวดมนต์ไปหมุนกงล้อไป..สุขใจจริงๆ

ดูซิว่าจะเย็นขนาดไหน....ตอนเช้าเกล็ดน้ำแข็งเต็มยอดหญ้าใบไม้เชียว

ดอกไม้สวยเหลืองอร่าม...ช่างเป็นธรรมชาติจริงๆ นะท่านผู้ชม

ภูฏาน ชื่อว่าเป็นราชาแห่งชีส (เนย) มีหลากหลายชนิดเลยทีเดียว

เจดีย์ ๑๐๘ องค์ อนุสรณ์รำลึกถึงบรรพบุรุษที่ปกป้องชาติบ้านเมือง

ช้าง ลิง กระต่าย นก ช่วยกันปลูก รักษา ดูแลต้นไม้ให้งอกงาม "สามัคคี"

ที่นาขั้นบันได....กองฟาง สะท้อนชีวิตแห่งความสุขและพอเพียงจริงๆ

เดินตรงๆ นะเจ้าวัวเอ๋ย....ภูฏานใช้วัวไถนานะจ๊ะ

พระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์...ของที่ระลึกและบูชาไปสักการะที่บ้านได้

สะพานข้ามแม่น้ำโพ(พ่อ)เพื่อไปพูนาคาซองนั่นเอง...น้ำใสไหลเย็น

พระพุธรูปใหญ่บนยอดเขาเมืองพาโร ช่างไทยเราตบแต่งภายในจร้า

ความเป็นชาตินิยม "รักชาติยิ่งชีพ" ทหารองครักษ์มาเก็บธงตอนเย็น

ของชำร่วยที่ระลึกส่วนมากจะเป็นอย่างนี้...หินธิเบตคร้าบบบบบ

พี่คร้าบบบบ....ช่วยอุดหนุนนู๋หน่อยได้มั้ย กูซูซองโปปปปป(หวัดดีคับ)

พระอาจารย์ชอบตรงนี้มาก ใกล้ถึงทรักซังแล้วคุณโยม....ไกลแฮะ

ตอนนี้ยิ่งใกล้เข้ามาอีก....คุณโยมก็ต้องสู้ๆ อย่าท้อแท้เด้อ

ลมเย็นสบายจริงๆ เหมาะแก่การบำเพ็ญภาวนามาก

นึกถึงศรัทธาคนสร้างเน๊อะ....หน้าผาชันขนาดนี้ยังมาสร้างวัดได้

เฟิร์นเริ่มแห่งแล้วเพราะอากาศเย็นมาก จะเขียวอีกทีก็หน้าฝนโน่น

ความสุขอยู่ที่ใจนะโยมมมมม....ถ้าใจเป็นสุขอยู่ไหนๆ ก็สุขได้...เจริญพร